.

KWM | วิธีการเลือกใบเกลียวลำเลียง


KWM | วิธีการเลือกใบเกลียวลำเลียง

ใบเกลียวลำเลียง (Screw Flight) เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการลำเลียงวัตถุแบบต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นผง เม็ด หรือชิ้นงานขนาดเล็ก โดยทำงานผ่านการหมุนรอบแกนเพลาเพื่อผลักดันวัตถุให้เคลื่อนที่ตามทิศทางที่กำหนด ใบเกลียวลำเลียงมีทั้งแบบเหล็กและสแตนเลส ซึ่งเลือกใช้งานตามสภาพแวดล้อมและประเภทวัสดุที่ต้องลำเลียง จุดเด่นของใบเกลียวลำเลียงคือ ความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบากว่าใบเหล็กแบบดั้งเดิมถึง 60% และสามารถสั่งผลิตตามขนาดที่ลูกค้าต้องการ พร้อมมาตรฐานการผลิตระดับสากล


วิธีการเลือกใบเกลียวลำเลียง

  1. OD (Outside Diameter – เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก)
    ขนาดโดยรวมของใบเกลียว มีผลต่อปริมาณการลำเลียงและพื้นที่ติดตั้ง

  2. ID (Inside Diameter – เส้นผ่านศูนย์กลางภายใน)
    ขนาดรูตรงกลางสำหรับใส่เพลา ต้องตรงกับขนาดเพลาที่ใช้งานจริง

  3. Pitch (ระยะพิทช์)
    ระยะห่างระหว่างยอดเกลียว มีผลต่ออัตราการลำเลียงต่อรอบการหมุน

  4. Thickness (ความหนา)
    ความแข็งแรงและทนทานต่อการสึกหรอ ยิ่งหนามากยิ่งทน แต่จะหนักขึ้น

  5. Width (ความกว้างของใบเกลียว)
    คือระยะจาก OD (เส้นผ่านศูนย์กลางนอก) มาหา ID (เส้นผ่านศูนย์กลางใน)

    สูตร : Width = (OD – ID) ÷ 2
    ความกว้างมีผลโดยตรงกับปริมาณวัสดุที่สามารถลำเลียงได้ในแต่ละรอบ และต้องเลือกให้สัมพันธ์กับขนาด Pitch เพื่อให้ลำเลียงได้มีประสิทธิภาพ

  6. Length (ความยาว)
    ความยาวของใบเกลียวทั้งเส้น เลือกตามขนาดเครื่องลำเลียง

  7. Direct (ทิศทางการหมุน)

    • R = ใบเกลียวขวา (Right Hand)

    • L = ใบเกลียวซ้าย (Left Hand)

  8. Material (วัสดุ)

    • เหล็ก : แข็งแรง ราคาประหยัด

    • สแตนเลส : ทนสนิมและสารเคมี เหมาะกับงานอาหารหรือเคมี


ตัวอย่างการเลือกขนาดใบเกลียวลำเลียง

เช่น ใบเกลียว Dia. 6” (150 mm) :
150 x 48 x 150 x 4.5 x 51 x 3000 L

มีความหมายดังนี้:

  • OD = 150 มม.

  • ID = 48 มม.

  • Pitch = 150 มม.

  • Thickness = 4.5 มม.

  • Width = (150 – 48) ÷ 2 = 51 มม.

  • Length = 3000 มม.

  • Direct = L หรือ R

  • Material = เหล็กหรือสแตนเลส ตามการเลือกใช้งาน

สรุป

ใบเกลียวลำเลียงเป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการลำเลียงวัสดุในภาคอุตสาหกรรม การเลือกใช้งานที่ถูกต้องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการสึกหรอ และยืดอายุการใช้งานของระบบ โดยควรพิจารณาขนาด OD, ID, Pitch, ความหนา, ความยาว, ทิศทางการหมุน และวัสดุที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและตรงตามความต้องการของงานมากที่สุด


P.Phattanakan